June 24, 2556
Science Experiences Management For Early Childhood EAED 3207
Time 8:30 - 12:20 am
เนื้อหาการเรียนรู้
1. ความหมายของวิทยาศาสตร์
การศึกษาเรื่องสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติโดยทั่วไป ประกอบด้วยตัวความรู้และกระบวนการที่ใช้ใน
การค้นหาความรู้อย่างมีระบบ เพื่อนำมาปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์
2. ความสำคัญของวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์ สำคัญยิ่งในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน
และอาชีพต่างๆ ตลอดจนการผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ วิทยาศาสตร์ช่วยพัฒนาเทคโนโลยีอย่างเพิ่มขึ้น
วิทยาศาสตร์ทำให้คนพัฒนาความคิด มีเหตุผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นสังคม
แห่งความรู้ ที่คนจะได้พัฒนา เพื่อให้รู้และเข้าใจธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น วิทยาศาสตร์จะช่วย
พัฒนาเศรษฐกิจ สามารถแข่งกับนานาประเทศและดำเนินชีวิตร่วมกันในสังคมโลกได้อย่างมีความสุข
3. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และผลผลิต
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หมายถึง การค้นคว้าความรู้อย่างมีระบบ
ผลผลิต หมายถึง สิ่งที่ปรากฏขึ้นหลังจากที่ได้ทำการทดลอง หรือการศึกษาค้นคว้าด้วยวิธีการทาง
วิทยาศาสตร์แล้ว
กิจกรรมวิทยาศาสตร์นั้นกระบวนการและผลผลิต จะต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเสมอ เพราะว่าเมื่อครูจัดเตรียมให้เด็กทำกิจกรรม ครูก็จะต้องเฝ้าสังเกตดูวิธีการทำงานของเด็ก (กระบวนการ) และเมื่อเด็กทำเสร็จแล้ว ครูก็จะต้องดูผลงานของเด็ก (ผลผลิต)
ตัวอย่างการจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่เน้นกระบวนการมากกว่าผลผลิต ดังนี้
-การให้เด็กทำน้ำส้มคั้น ซึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับกระบวนการและผลผลิต กระบวนการก็คือวิธีการที่จะคั้นน้ำส้ม ส่วนผลผลิตก็คือ น้ำส้มคั้นที่คั้นเสร็จแล้ว
4. แนวคิดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
เกรก (Graig) ได้ให้แนวคิดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เอาไว้ 5 ประการที่เรียกว่า Graig's Basic Concepts มีลักษณะรวมที่สำคัญ 5 ประการ คือ
1. การเปลี่ยนแปลง (Change) ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จึงควรให้เด็กและเห็นและเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่น เวลา สิ่งที่อยู่รอบตัว
2. ความแตกต่าง (Variety) ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีความคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน จึงควรให้เด็กเข้าใจถึงความแตกต่างและความเหมือนของสิ่งต่างๆ โดยอาศัยการสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัว
3. การปรับตัว (Adjustment) ทุกสิ่งทุกอย่างจะมีการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม ครูจึงควรให้เด็กสังเกตถึงธรรมชาติประการนี้จากสิ่งต่างๆ
4. การพึ่งพาอาศัยกัน (Muturit) ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้จะต้องพึ่งพาอาศัยกัน เช่น คนกับเงิน นกเอี้ยงกับควาย
5. ความสมดุล (Equitibrium) ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้จะต้องสู้เพื่อรักษาชีวิตและปรับตัวให้ได้ดุล และมีความผสมกลมกลืนกัน เช่น ปลาอยู่ในน้ำ นกบินได้ สัตว์แข็งแรงย่อมกินสัตว์ที่อ่อนแอ
แนวคิดพื้นฐานทั้ง 5 ประการนี้ จะช่วยให้ครูเข้าใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับธรรมชาติของวิชาและให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้ตามธรรมชาติ
วิธีการทางวิทยาศาสตร์
5. การเรียนรู้
-การเรียนรู้เกิดขึ้นจากเส้นใยของสมองที่เชื่อมกัน
-การทำให้เด็กการคิด เพื่อให้เส้นใยประสาทเชื่อมต่อกันในเซลล์ต่างๆ
อุปสรรคการเรียนรู้
ไม่ได้เรียนรู้ เรียนรู้ผิด
(ใยประสาทและจุดเชื่อมโยงหายไป) (ใยประสาทของวงจรการเรียนรู้ผิดหนาตัวขึ้น)
6. พัฒนาการทางสติปัญญา (cognitive development)
- ความเจริญงอกงามด้านความสามารถ ในการคิดของแต่ละบุคคล
- พัฒนาขึ้นมาจากการมีปฏิสัมพันธ์ (interaction) กับสิ่งแวดล้อม
- เริ่มตั้งแต่แรกเกิด ผลของการปฏิสัมพันธ์จะทำให้เด็กรู้จัก "ตน" (Self) เพราะตอนแรกเด็กจะยังไม่สามารถแยก "ตน" ออกจากสิ่งแวดล้อมได้
- การปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับสิ่งแวดล้อมเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลาและตลอด
กระบวนการปฏิสัมพันธ์ (interaction) ประกอบด้วย 2 กระบวนการ
1. กระบวนการดูดซึม (assimilation)
เมื่อมนุษย์มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมก็จะซึมซาบหรือดูดซึมประสบการณ์ใหม่ ให้รวมเข้าอยู่ในโครงสร้างของ สติปัญญา โดยจะเป็นการ ตีความ หรือการรับข้อมูลจากสิ่งแวดล้อม
2. กระบวนการปรับโครงสร้าง (accommodation)
การเปลี่ยนแบบโครงสร้างของเชาว์ปัญญาที่มีอยู่แล้วให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมหรือประสบการณ์ใหม่ หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงความคิดเดิมให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ซึ่งเป็นความสามารถในการปรับโครงสร้างทางปัญญา
กิจกรรม
-จัดกลุ่มๆ ละ 6 คน ศึกษาหัวข้อดังกล่าว แล้วสรุปเป็นของตนเอง
-สรุปหัวข้อที่ได้รับมอบหมายของแต่ละกลุ่ม คือ หัวข้อ แนวคิดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ จากนั้นให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มไปศึกษาเพิ่มเติมจากกลุ่มอื่นๆ
-สรุป และนำเสนอในรูปแบบต่างๆ
-ดู VDO เรื่อง มหัศจรรย์ของน้ำ